วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย
Journal of the Psychiatrist
Association of Thailand
ISSN: 0125-6985
บรรณาธิการ มาโนช หล่อตระกูล
Editor: Manote
Lotrakul, M.D.
มาโนช
หล่อตระกูล
วารสารสมาคมจิตแพทย์ฉบับนี้ประกอบด้วยนิพนธ์ต้นฉบับ
7 เรื่อง และบทความพิเศษอีก 2 เรื่อง ซึ่งล้วนแต่น่าสนใจทั้งสิ้น
นิพนธ์ต้นฉบับเรื่องแรก อนุพงษ์
สุธรรมนิรันด์ และคณะ ได้ศึกษาความภูมิใจแห่งตนและภาวะซึมเศร้าในนักเรียนระดับชั้นมัธยมที่ใช้ยาบ้า
ซึ่งเป็นวัยที่มีอัตราการใช้ค่อนข้างสูงและเป็นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ
พบว่ากลุ่มใช้ยามีภาวะความภาคภูมิใจแห่งตนต่ำและมีสัดส่วนผู้ที่มีภาวะซึมเศร้าสูงกว่ากลุ่มไม่ใช้ยา
ผู้นิพนธ์ได้ให้ข้อเสนอแนะว่าควรนำปัจจัยด้านความภาคภูมิใจแห่งตน เข้ามาเป็นแกนหลักในการวางแผนป้องกันและรักษาวัยรุ่นให้ห่างไกลยาบ้า
ทั้งนี้อาจต้องเริ่มตั้งแต่วัยเด็ก เริ่มที่ครอบครัว และโรงเรียน มิใช่มาทำขณะที่เด็กเข้าสู่วัยรุ่นอันเป็นวัยที่เพื่อนมีอิทธิพลสูง
ซึ่งเป็นข้อเสนอแนะที่น่าสนใจยิ่ง
เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่าความเครียดเป็นปัญหาสำคัญของประชาชนในปัจจุบัน
แต่ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่คำนึงถึงการบำบัดรักษา แม้ว่าจะมีอาการเครียดอยู่ในระดับที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิต
โดยเฉพาะการบำบัดจากจิตแพทย์ ธวัชชัย กฤษณะประกรกิจ และคณะนำเสนอผลการวิจัยประสิทธิผลของโปรแกรมการเปลี่ยนแปลงจิตสำนึกเพื่อคลายเครียด
ซึ่งเป็นแนวทางที่น่าสนใจ หากได้อ่านช่วงบทนำจะเห็นว่าผู้นิพนธ์ได้ผ่านประสบการณ์การศึกษาในด้านนี้มามากทีเดียวทั้งในทางทฤษฎีและปฏิบัติ
จนนำมาสู่การสังเคราะห์เป็นโปรแกรมนี้ซึ่งมิได้ยึดติดกับพิธี กรรมหรือแนวปฏิบัติใดๆ
เป็นการเฉพาะ ผู้เข้าสู่การทดลองที่ปฏิบัติครบ 7 สัปดาห์เมื่อวัดค่าคะแนนในหมวดต่าง
ๆ ของ SCL-90 พบว่ามีการลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ถึง 8 ใน 9 หมวด
ซึ่งจัดว่าน่าสนใจมาก โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงว่าใช้ระยะเวลาในการบำบัดไม่นาน
ทำเป็นกลุ่มได้ เข้ากันได้กับวัฒนธรรมไทยเรา และไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกว่ามี
stigma จากการมาพบจิตแพทย์
นิพนธ์ต้นฉบับเรื่องต่อไปเป็นการศึกษาการถูกล่วงเกินทางเพศโดยครูชายของนักเรียนชาย
โดยพรรณพิมล หล่อตระกูล และมาโนช หล่อตระกูล ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงเรียนในชนบท
พบว่าเป็นที่พอทราบกันมานานพอสมควรว่าครูผู้นี้มีพฤติกรรมล่วงเกินทางเพศต่อเด็ก
แต่ก็ไม่มีผู้ใดสนใจแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง ปัญหาสำคัญประการหนึ่งคือโครงสร้างทางด้านอำนาจและอิทธิพลในท้องถิ่น
ทำให้ชาวบ้านตกอยู่ในสภาพของผู้ไร้ปากเสียง การป้องกันและแก้ไขปัญหาในทำนองนี้
ไม่ได้อยู่เพียงแค่การให้เด็กระวังระไวต่อการอาจถูกล่วงเกินทางเพศเท่านั้น
หากแต่ยังขึ้นอยู่กับการส่งเสริมให้ชุมชนมีบทบาทมากขึ้นในกิจกรรมต่างๆ
ของโรงเรียน และมีแหล่งให้แจ้งหรือร้องเรียนปัญหาที่อยู่พ้นจากระดับอิทธิพลในชุมชน
จากสถิติของกระทรวงสาธารณสุข
พบอัตราการเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายในปีพ.ศ. 2541 และ 2542 ในชาย/หญิงเท่ากับ
12.9/3.8 และ 13.3/4 ต่อแสนประชากร ตามลำดับ โดยอัตราการเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายในเพศชายมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปี
ขณะที่ในเพศหญิงช่วงหลังๆ พบค่อนข้างคงที่ประมาณ 4 รายเศษๆ ต่อแสนประชากร
การศึกษาเชิงคุณภาพเรื่องปัญหาชีวิตและการปรับตัวในชาย-หญิงผู้พยายามฆ่าตัวตาย
ของมาโนช หล่อตระกูล และคณะ พบว่าเพศชายปรับตัวกับความกดดันภายนอกได้ค่อนข้างต่ำ
และมักใช้สุราขณะกระทำ เหล่านี้ร่วมกับการมีแนวโน้มที่จะใช้วิธีการที่รุนแรง
จึงทำให้อัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จในเพศชายมีสูง มาตรการในการช่วยเหลือจึงควรมุ่งไปที่เพศชายวัยผู้ใหญ่ตอนต้น
โดยเน้นการเพิ่มทักษะการปรับตัวต่อปัญหา
รายงานผู้ป่วยของพ.ท. พงศธร
เนตราคม ในเรื่องอินเทอร์เน็ตเครื่องมือช่วยการทำพฤติกรรมบำบัดในผู้ป่วยโรคกลัวสังคม
เป็นรายงานที่น่าสนใจว่าอินเทอร์เน็ตนั้นนอกจากจะเป็นเครื่องมือในการสื่อสารแล้ว
ยังสามารถสร้างสภาพสังคมเสมือนขึ้นได้ ทำให้ผู้ป่วยสามารถฝึกการเข้าสังคมจนมั่นใจตนเองมากขึ้น
ก่อนการเข้าสู่สังคมจริงต่อไป บรรณาธิการก็เพิ่งพบผู้ป่วยที่ใช้อินเทอร์เน็ตช่วยเหลือตนเองจนหายจากโรคกลัวสังคม
วิธีนี้จึงน่าจะทางเลือกหนึ่งในการรักษาผู้ป่วยโรคกลัวสังคม
บรรณาธิการรู้สึกเป็นเกียรติและขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งที่ศาสตราจารย์วัณเพ็ญ
บุญประกอบ ได้กรุณามอบบทความพิเศษเรื่องการเลี้ยงดูลูกกับสุขภาพจิตเพื่อลงตีพิมพ์ในวารสารสมาคมฯ
ฉบับนี้ ทุกวันนี้กระแสสังคมบ้านเรายังคงมุ่งเน้นความสำเร็จของลูกมากกว่าการคำนึงถึงสภาพจิตใจ
โดยเฉพาะความสำเร็จตามแนวทางตะวันตก ที่เป็นมาจากการเน้นในเรื่องของ
individualism การส่งเสริม self-esteem แบบ self-contained individualism
แม้จะนำไปสู่ความสำเร็จในสังคมที่มีการแข่งขันกันสูง แต่ในอีกด้านหนึ่งก็นำมาสู่สภาพสังคมแบบต่างคนต่างอยู่
ครอบครัวล่มสลายดังที่ได้เกิดขึ้นแล้วในทางตะวันตก บรรณาธิการเห็นว่าการส่งเสริม
self-esteem ในแนวทางตะวันออกของเราจักต้องเน้น self-esteem ที่มีองค์ประกอบของการควบคุมตนเองและการคำนึงถึงผู้อื่นอันเป็นพื้นฐานของวัฒนธรรมไทยเราร่วมด้วย
ดังแนวทางการเลี้ยงดูในสมัยก่อนของเราที่เน้นการเลี้ยงลูกให้เป็น คนดี
มากกว่าต้องการให้เขาเป็น คนเก่ง ดังค่านิยมในปัจจุบัน
ท้ายสุดเป็นบทความปกิณกะเรื่องการศึกษาต่อเนื่องทางด้านจิตเวชศาสตร์ของรองศาสตราจารย์พิเชฐ
อุดมรัตน์ ซึ่งได้กำหนดหัวข้อย่อยไว้อย่างน่าสนใจว่า การศึกษาต่อเนื่อง
คือหัวใจหลักของภาพลักษณ์จิตแพทย์ในอนาคต ในบทความนี้นอกจากจะกล่าวถึงแนะนำถึงการศึกษาต่อเนื่องที่เราจะต้องมีในอนาคตแล้ว
ผู้เขียนยังได้แนะนำถึงการคิดแบบโยนิโสมนสิการซึ่งเป็นวิธีคิดแนวพุทธที่สำคัญประการหนึ่ง
ซึ่งนอกจากจะใช้กับตัวเองได้แล้ว ยังสามารถนำมาปรับใช้ในการแนะนำผู้ป่วยได้ด้วย
วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย
2544;46(1):1
บรรณานุกรม
- Sampson EE. The debate on
individualism. American Psychologist 1988; 43:15-22.
- Markus HR, Kitayama S. Culture
and the self: Implications for cognition, emotion and motivation.
Psychol Rev 1991; 98:224-53.
- Kirmayer LJ. Psychotherapy
and the cultural concept of the person. Sante, Culture, Health
1989;6:24170.
|