วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย
Journal of the Psychiatrist
Association of Thailand
ISSN: 0125-6985
บรรณาธิการ มาโนช หล่อตระกูล
Editor: Manote
Lotrakul, M.D.
วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย
Journal of the Psychiatric association of Thailand
สารบัญ (content)
download in pdf format
บทบรรณาธิการ
ความรักความผูกพันของครอบครัวในยุค
2000
ศาสตราจารย์เกียรติคุณแพทย์หญิงวัณเพ็ญ
บุญประกอบ*
* ที่ปรึกษาหน่วยจิตเวชเด็ก
ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
กรุงเทพฯ 10700
วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย
2543; 45(1): 11-6.
ความรักความผูกพันระหว่างสมาชิกภายในครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในการสร้างบุคลิกภาพของเด็กที่กำลังเจริญเติบโต
ความมั่นคงของครอบครัวเป็นฐานสำคัญของความมั่นคงของสังคมและของประเทศชาติ
ท่านศาสตราจารย์นายแพทย์ฝน แสงสิงแก้ว ปรมาจารย์ของเหล่าจิตแพทย์แห่งประเทศไทยได้เขียนไว้เมื่อพ.ศ.
2499 ในวารสารสมาคมจิตแพทย์ฉบับที่ 1 ปีที่ 1 ว่า ความผูกพันรักใคร่ภายในครอบครัว
เป็นรากฐานของความสุขแห่งชีวิต เป็นรากฐานของความเป็นปึกแผ่นของสังคม
ของประเทศชาติบ้านเมือง และของโลกในที่สุด" ท่านได้กล่าวถึงตัวอย่างของวัฒนธรรมในประเทศตะวันตก
วัฒนธรรมในประเทศเอเชีย และคำสอนทางพระพุทธศาสนา ซึ่งล้วนกล่าวถึงความสำคัญของครอบครัว
อันมีบิดามารดาเป็นบุคคลสำคัญ ฉะนั้นควรจะรักษาและควรดำรงไว้ซึ่งความรักความผูกพันระหว่างบุตรและบิดามารดา
และตัองรีบหาทางแก้ไขได้ก่อนที่ครอบครัวจะแตกสลายไปตามกระแสของวิวัฒนาการทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม
บทความของท่านเขียนไว้เป็นเวลา
44 ปี มาแล้ว ท่านได้คาดการณ์ไว้อย่างแม่นยำ ได้อธิบายถึงวิธีการที่ควรปฏิบัติเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว
แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า การเจริญรุดหน้าอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีและของการสร้างผลิตวัตถุทุกระดับอย่างมากมาย
การเจริญทางอุตสาหกรรมและการให้ความสำคัญน้อยกับเกษตรกรรม ประกอบกับมีความมุ่งมั่นในความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ
แต่ให้ความสำคัญน้อยต่อระบบศีลธรรมจรรยา ทำให้ระบบครอบครัวระส่ำระสาย
ระบบสังคมของชาติและของโลกเป็นปัญหาวุ่นวาย
ลักษณะครอบครัวไทยในปัจจุบัน
ในระยะเวลา 50 ปี ที่ผ่านมานี้
ลักษณะครอบครัวไทยได้เปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งในด้านโครงสร้าง ความเป็นอยู่ภายในครอบครัว
จำนวน และบทบาทหน้าที่ของสมาชิกภายในครอบครัว เป็นต้น เป็นเหตุให้เกิดผลกระทบต่อการเลี้ยงดูบุตรธิดาโดยตรง
ครอบครัวไทยได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่เป็นครอบครัวใหญ่
มีพ่อแม่ พี่น้อง ปู่ย่า ตายาย อยู่ร่วมกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน พ่อเป็นผู้นำทำงานหาเลี้ยงชีพ
แม่เป็นแม่บ้านและเป็นผู้ดูแลลูกและผู้คนบริวารภายในบ้าน เด็กๆ เติบโตขึ้นมาด้วยประสบการณ์ของการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
ได้เรียนรู้บทบาทของการงานภายในบ้าน การดูแลน้อง มีความผูกพันใกล้ชิดกับพ่อแม่และครอบครัวของตน
มีความสัมพันธ์ช่วยเหลือกันระหว่างเพื่อนบ้าน เด็กได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้จากประสบการณ์ตรงและเป็นไปโดยธรรมชาติ
เมื่อโลกเจริญก้าวหน้าขึ้น เด็กได้มีโอกาสในการศึกษามากขึ้นทั้งหญิงและชาย
ผู้หญิงมีโอกาสแสดงความรู้ความสามารถมีวิชาชีพ และอาชีพกันมากขึ้น
การที่ค่าครองชีพสูงขึ้นเรื่อยๆ
ทำให้ผู้หญิงมีความจำเป็นต้องก้าวออกจากงานบ้านมาทำงานหาเลี้ยงครอบครัวช่วยสามี
ไม่ว่าจะเป็นในชุมชนเมืองหรือชุมชนชนบทหรือในทุกเศรษฐฐานะ จะพบว่าบทบาทของผู้หญิงได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
หญิงชนบทจะละทิ้งถิ่นเข้าสู่เมืองที่มีอุตสาหกรรม ถ้ามีลูกจะนิยมนำลูกไปให้ปู่ย่าหรือตายายเลี้ยงมากกว่าที่จะเลี้ยงด้วยตนเอง
ในที่สุดจะพบว่าเด็กๆ เติบโตขึ้นโดยผู้ใหญ่ที่เป็นญาติและมักเป็นผู้สูงอายุ
ในครอบครัวเมืองผู้หญิงจะออกไปทำงานนอกบ้านปล่อยเด็กไว้กับคนเลี้ยง
หรือตามสถานรับฝากเลี้ยงเด็ก แม้แต่ในผู้ที่มีเศรษฐฐานะดีเด็กๆ ก็มักจะตกอยู่ในมือของพี่เลี้ยงที่ไม่มีความชำนาญและเลี้ยงเด็กไม่ถูกต้อง
ความเป็นครอบครัวใหญ่แตกสลายไปโดยความจำเป็นและตามกระแสสังคม
ความจำเป็นทางเศรษฐกิจบังคับให้ครอบครัวใหม่ต้องพึ่งตนเองมากขึ้น มีความเป็นอิสสระมากขึ้น
มีการย้ายถิ่นฐานกันมากขึ้นตามการศึกษา และอาชีพอีกทั้งการหารายได้ที่คล่องตัวกว่า
ทำให้สังคมเมืองแออัด และมีครอบครัวเดี่ยวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ผลกระทบต่อครอบครัว
ความสนใจมุ่งมั่นที่จะเลี้ยงดูลูกให้เป็นคนดีมีความสุข
กลายเป็นความต้องการให้ลูกเป็นคนเก่งในทุกด้าน
บทบาทหน้าที่ของหญิงไทยได้ก้าวหน้าขึ้นมากในทศวรรษที่ผ่านมา
เป็นที่ประจักษ์ว่าหญิงมีความสามารถ มีประสิทธิภาพในการเรียนรู้และการทำงานไม่แพ้ผู้ชาย
อย่างไรก็ตาม การทำงานในหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบและการมุ่งมั่นก้าวหน้าในการศึกษาหรืออาชีพของหญิง
มีผลกระทบต่อบทบาทของความเป็นแม่ไปโดยปริยาย และส่งผลกระทบต่อบทบาทหน้าที่และความสัมพันธ์ภายในครอบครัวโดยตรง
การอยู่ร่วมกันของหลายครอบครัวกลายเป็นปัญหา
เราพบเสมอว่าสมาชิกในครอบครัวมักมีความตึงเครียด วุ่นวายสับสน และไม่สงบสุข
ผู้เป็นแม่มีความเหน็ดเหนื่อยและความเครียดจากงานนอกบ้านร่วมกับการงานที่ต้องทำในบ้าน
โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีคนช่วยเหลือจะมีปัญหาอย่างมากในการดูแลลูก แม้ผู้ที่อยู่บ้านดูแลเลี้ยงลูกเองก็ยังพบว่าเป็นภาระอย่างหนัก
ช่วงที่จะเป็นปัญหากันได้มาก คือช่วงวัยเด็กเล็กอายุระหว่าง 0-3 ปี
ดังที่ในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมานี้ เราพบแม่ที่มีภาวะซึมเศร้าเพิ่มขึ้น
และปัญหานี้ส่งผลโดยตรงต่อพัฒนาการของลูกในระยะสำคัญนี้
ปัจจุบันสถิติการหย่าร้างพบเพิ่มขึ้นในสังคมไทย
ยิ่งไปกว่านั้น การนอกใจ การแยกกันอยู่ยังพบเป็นปัญหามากกว่าหย่าร้างจริงๆ
ครอบครัวมีความผูกพันกันน้อยลง ความห่วงใยอาทร ความเสียสละ พึ่งพาต่อกัน
อดทนต่อกันลดน้อยลง การนอกใจครอบครัวพบมีมากขึ้น ทั้งนี้มิใช่เป็นจากการเปลี่ยนแปลงในบทบาทและหน้าที่ของภรรยาและความเป็นแม่
หากแต่เป็นเพราะศีลธรรมจรรยาที่เสื่อมลง ผู้หญิงมีอิสระในเรื่องเพศและการเป็นตัวเองมากขึ้น
ร่วมกับสังคมเปิดโอกาสให้หญิงชายตั้งแต่เด็กวัยเรียน นักศึกษา ตลอดจนผู้ใหญ่ประพฤติผิดทางเพศกันง่ายขึ้นและมากขึ้น
อันเป็นต้นเหตุอันสำคัญประการหนึ่งของการล่มสลายของครอบครัว
จากระบบเศรษฐกิจที่คลอนแคลน
ความเป็นอยู่ที่ฝืดเคือง และการยั่วยุของวัตถุภายนอกในปัจจุบันที่มีมากมาย
ทำให้มนุษย์เกิดความอยากเพิ่มสูงขึ้น หลายสิ่งหลายอย่างอันไม่ใช่ความจำเป็นของชีวิตกลายมาเป็นสิ่งที่มีหน้ามีตาและมีความสำคัญไปโดยปริยาย
ทำให้คนเราต้องขวนขวายแสวงหาเงินและวัตถุกันมากขึ้น เพื่อปรนเปรอตนเองและครอบครัว
สิ่งเหล่านี้ทำให้การสร้างครอบครัวจะเป็นปึกแผ่นได้ยาก เช่น เมื่อหาเงินมาได้
ก็นำมาซื้อรถ วิทยุ โทรทัศน์ ฯลฯ จับจ่ายของเล่นและสิ่งของเกินความต้องการ
พระธรรมปิฏกเคยกล่าวว่า คนไทยเป็นนักเสพ นักบริโภค และเราก็ได้ติดหลงอยู่ในสิ่งเหล่านี้จนลืมตน
นำไปสู่ความสูงเฟ้อ และในที่สุดตามมาด้วยหายนะต่อครอบครัว ยิ่งขวนขวายหามามากเท่าไร
ก็ยิ่งทำให้เกิดความเครียด ความไม่เข้าใจ เกิดความเหินห่างระหว่างกันของคนในครอบครัวและทอดทิ้งเด็กกันมากขึ้นเท่านั้น
ระบบไฮเทคที่ก้าวหน้ามาอย่างมากมายส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ร่วมกันภายในครอบครัวโดยตรง
จริงอยู่ คุณประโยชน์ของความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์แสดงถึงสติปัญญาความเฉลียวฉลาดของมนุษย์
แต่ถ้ามนุษย์ใช้สิ่งเหล่านี้อย่างเดียว โดยเป็นแต่ผู้บริโภค มิใช่ผู้ผลิต
ความหายนะจะมาสู่ตนในที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์นั้นจะต้องมีการอยู่ร่วมกัน
ทำกิจกรรมด้วยกัน มีการช่วยเหลือกัน เด็กจะต้องเรียนรู้การดำรงชีวิตที่เขาเห็นอยู่ตลอดเวลาเพื่อจะได้ซึมซับ
และเลียนแบบนำไปปฏิบัติได้ในที่สุด เด็กปัจจุบันจะไม่ได้เรียนรู้การทำงานช่วยเหลือตนเองเบื้องต้น
เช่น วิธีประกอบอาหาร หุงข้าว ซักผ้า ฯลฯ เพราะมีเครื่องช่วยผ่อนแรงและมีของสำเร็จรูปมากมาย
พ่อบ้านแม่บ้านอาจมีความจำเป็นต้องใช้เครื่องผ่อนแรง แต่เด็กๆ จะขาดการเรียนรู้และขาดประสบการณ์
ที่สำคัญคือเมื่อไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ เขาจะอยู่ได้อย่างลำบาก
เมื่อถึงคราวทำงานเขาจะขาดความละเอียดรอบคอบ รู้จักการแก้ปัญหาน้อย
มีความไม่คล่องตัวในทักษะการทำงาน และขาดสามัญสำนึก
สิ่งภายนอกมีอิทธิพลต่อครอบครัว
เหตุการณ์ภายนอกครอบครัวมีอิทธิพลต่อบทบาทหน้าที่
ค่านิยม และการเลี้ยงดูเด็กอย่างมาก ดังตัวอย่างในด้านการศึกษา ผู้ปกครองมักจะผลักดันการเรียนของลูก
มีการแข่งขันกันสูง พ่อแม่คาดหวังอย่างมากที่จะให้เด็กเป็นคนเก่งโดยไม่ได้เน้นถึงคุณภาพความเป็นคนดีที่จะเป็นศรีแก่สังคมอย่างแต่ก่อน
เมื่อต้องการให้ลูกเป็นคนเก่งมีชื่อเสียง ก็จำเป็นต้องผลักดันเด็กทุกอย่างในการเรียน
เด็กต้องเข้าโรงเรียนที่มีชื่อ ถูกบังคับ และถูกจัดให้เรียนมากเกินไป
เด็กบางคนมีการเรียนนอกหลักสูตรและมีกิจกรรมมากจนไม่มีเวลาว่างที่จะฝึกหัดทำ
เวลาอิสระที่จะคิดเอง ศึกษาเอง หรือเรียนรู้สิ่งรอบตัวจากประสบการณ์ในชีวิตประจำวัน
ลูกเครียดจากการเรียน พ่อแม่เครียดจากการทำงาน ลูกเครียดจากที่ทำไม่ได้อย่างที่พ่อแม่หวังที่พ่อแม่ชอบ
พ่อแม่เครียดจากการที่ลูกไม่เป็นไปอย่างที่ต้องการ ฯลฯ เด็กๆ ถูกจัดการให้มีกิจกรรมและการเรียน
จนความสัมพันธ์อันดีในครอบครัวห่างเหินไป
สื่อต่างๆ โดยเฉพาะ โทรทัศน์
วิดีโอ เกมส์ และอินเทอร์เน็ต เป็นต้น ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อครอบครัวและการพัฒนาเด็ก
พ่อแม่หลายคนได้เลี้ยงลูกโดยโทรทัศน์และวิดีโอ ปล่อยให้เด็กอยู่กับสื่อเหล่านี้ตลอดเวลา
และหลายคนสนับสนุนลูกในการเล่นเกมส์ เล่นคอมพิวเตอร์ ถ้าปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เข้ามาแทนบทบาทความเป็นพ่อแม่และการอยู่ร่วมกันแล้ว
นอกจากจะทำให้เสียความสัมพันธ์ระหว่างกันในสมาชิกครอบครัว ขาดความเคารพนับถือต่อพ่อแม่แล้ว
เด็กจะเสียในด้านความคิด ประสบการณ์การเรียนรู้จากของจริง ขาดการเรียนรู้ทักษะในชีวิตประจำวัน
ภาวะผิดปกติที่พบเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้มีมากมาย เช่น โรคอ้วน เฉื่อยชา
คิดไม่เป็น รับรู้สิ่งผิดๆ ขาดจินตนาการ มีอารมณ์ก้าวร้าวรุนแรง แก้ปัญหาผิดทาง
เสียในระบบการเรียน ขาดสมาธิ และมีปัญหาระหว่างบุคคล เป็นต้น
ความไม่มั่นใจในการดูแลลูก ความไม่มั่นคงในจิตใจในความเป็นพ่อแม่เป็นที่พบเห็นทั่วไป
พ่อแม่พยายามแสวงหาความรู้ในการดูแลเด็กเนื่องจากตนขาดประสบการณ์เหล่านี้มาตั้งแต่ต้น
จึงอาศัยการศึกษาหาความรู้จากแหล่งข่าวต่างๆ จากแพทย์กุมารแพทย์ จิตแพทย์
นักจิตวิทยา เพื่อนฝูง หนังสือนิตยสาร ฯลฯ ดังจะเห็นได้ว่าในปัจจุบัน
หนังสือและนิตยสารเกี่ยวกับการดูแลเด็กได้ตีพิมพ์ออกมามากมาย ซึ่งก็มีทั้งที่มีคุณภาพและด้อยคุณภาพ
ถึงกระนั้นก็ยังไม่พอเพียงกับความต้องการและไม่สามารถแก้ปัญหาหรือข้อสงสัยที่มีอยู่ได้เสมอไป
ผลกระทบต่อเด็กที่กำลังพัฒนา
ปัจจุบันสังคมไทยกำลังประสบปัญหาวิกฤติ
แต่ที่สำคัญกว่าวิกฤติทางเศรษฐกิจคือวิกฤติทางสังคม วิกฤติทางเศรษฐกิจจะแก้ไขฟื้นฟูไปได้ถ้าประชาชนมีคุณภาพ
มีศีลธรรม มีความรักชาติ รักพวกพ้อง มีความภูมิใจในความเป็นคนไทยที่จะร่วมกันฟันฝ่าอุปสรรค
แต่สิ่งเหล่านี้จะต้องการคุณสมบัติที่สำคัญคือ ความสามัคคี ความไว้วางใจกัน
การร่วมมือช่วยเหลือกัน ความอดทนรอคอย ความขยัน ประหยัด มีความเสียสละ
รู้จักคิด รู้จักแก้ปัญหา และกระทำต่อไปไม่หยุดยั้ง คุณสมบัติเหล่านี้จะต้องสร้างหล่อหลอมมาแล้วตั้งแต่วัยเด็ก
ตลอดมาถึงผู้ใหญ่ในสังคมจะต้องเป็นตัวอย่างที่ดีด้วย (ถ้าสภาพสังคมเสื่อมถอยไร้ความมั่นคง
ยุ่งเหยิงระส่ำระสายดังเช่นทุกวันนี้ ครอบครัวก็จะอยู่รอดและดีไม่ได้
แม้ว่าครอบครัวเป็นรากฐานสำคัญ แต่สังคมซึ่งประกอบด้วยคนทุกหมู่เหล่าทุกชนชั้นวรรณะจะต้องร่วมมือไปโดยความพร้อมเพรียงกันด้วย)
ปัญหาเด็กถูกทอดทิ้ง ถูกทารุณกรรมจากครอบครัวและสังคมทั่วไปปัจจุบันพบมากขึ้น
ครอบครัวหลายครอบครัวทอดทิ้งเด็กโดยไม่ตั้งใจ เช่น ปล่อยให้ผู้อื่นดูแลเด็ก
ปล่อยเด็กไว้ตามลำพังให้ดูแลกันเอง ขาดผู้ใหญ่ให้คำแนะนำและควบคุม
เด็กอาจตกเป็นเหยื่อต่อผู้มุ่งร้าย กระทำร้ายต่อเด็ก หลอกลวงเด็ก หรือนำเอาเด็กไปใช้เป็นประโยชน์ในทางแรงงานหรือเสียหายทางอื่นเช่น
เรื่องสารเสพย์ติด และเรื่องถูกทำร้ายทางเพศ
ในทางตรงข้าม พ่อแม่บางกลุ่มให้ความรักลูกผิดทาง
กล่าวคือให้วัตถุกับเด็กมากเกินไป ตามใจ ยอมตามมากเกินไป แต่ละเลยการวางขอบเขตพฤติกรรม
ไม่ฝึกอบรมวินัยให้กับลูก เด็กจะขาดการฝึกฝนอบรมในความอดทนรอคอย การยับยั้งชั่งใจและการควบคุมตน
ไม่คำนึงถึงจิตใจผู้อื่น มีปัญหาในด้านมนุษยสัมพันธ์
ความเจริญทางวัตถุ ความเจริญทางเทคโนโลยีและการแพทย์
การมีข้อมูลข่าวสารและวัตถุมากมายในสภาพแวดล้อม ทำให้เด็กฉลาดเพิ่มขึ้น
แต่พ่อแม่และผู้ใหญ่มักไม่ได้เตรียมตนในการช่วยเหลือป้องกันและอบรมเด็กให้ถูกทาง
เด็กมีความเสี่ยงต่อการได้รับพิษภัยและมลพิษรอบตัว เช่น อุบัติเหตุ
มลพิษทางเสียงแสง อากาศ ข้อมูลสื่อสารต่างๆ ฯลฯ มากมาย ปัจจุบันจึงพบเด็กที่เติบโตขึ้นมีปัญหาทางจิตเวชมากขึ้น
โดยเฉพาะโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล ฆ่าตัวตาย ติดสารเสพย์ติด ประพฤติผิดศีลธรรม
เกเร และประพฤติผิดกฎหมาย มีความก้าวร้าวรุนแรง ประพฤติผิดทางเพศ หญิงชายคบหากันมีสัมพันธ์ทางเพศก่อนวัย
โรคเครียด และโรคไซโคโซมาติค พร้อมทั้งปัญหาการปรับตัวพบมีอยู่ทั่วไป
บุคลิกภาพของเด็กและวัยรุ่นอ่อนแอกว่าแต่ก่อน แม้เด็กจะเรียนเก่ง ฉลาด
สามารถทำคะแนนได้สูง แต่วุฒิภาวะอารมณ์ต่ำพบเห็นทั่วไปไม่น้อย ความเฉลียวฉลาดทางอารมณ์มาเป็นเรื่องราวที่กล่าวขวัญถึงพูดถึงและตระหนักกันในระยะ
2-3 ปีนี้ ทั้งๆ ที่วงการจิตเวชศาสตร์ตระหนักในเรื่องความสำคัญของวุฒิภาวะทางอารมณ์มานานมากแล้ว
ปัจจุบันนี้การแพทย์ได้เจริญรุดหน้าไปอย่างมาก
การแพทย์ทางด้านจิตเวชศาสตร์ได้ก้าวมาไกลสามารถอธิบายโรคต่างๆ ที่แต่ก่อนอธิบายในเชิงจิตวิเคราะห์และจิตสังคมเท่านั้น
มาเป็นอธิบายทางบทบาทหน้าที่สมองและระบบสรีระ ชีวเคมีของสมองมากขึ้น
ทำให้จิตแพทย์เข้าใจถึงความสัมพันธ์ของใจและสมอง สามารถอธิบายในรูปแบบของรูปธรรมมากขึ้น
ความรู้ทางหน้าที่สมองช่วยให้เราตระหนักชัดเจนว่าสมองส่วนต่างๆ สามารถทำงานทดแทนกันได้และมีการปรับสภาพได้ด้วย
แต่ที่สำคัญคือในวัยเด็ก เด็กจะต้องได้เรียนรู้ ได้ฝึกทักษะ มีประสบการณ์จากการเคลื่อนไหวสัมผัส
การฝึกคิด ฝึกทำมาอย่างพอเหมาะ พอดีกับกาลเวลาของระยะพัฒนา เพราะถ้าละเลยไป
เซลล์สมองและหน้าที่นั้นๆ จะไม่เจริญและไม่สามารถทำหน้าที่ต่อไปได้
การพัฒนาเด็กมีระยะเวลาที่เด็กจะเรียนรู้เฉพาะช่วงนั้นได้อย่างดีและรวดเร็ว
(sensitive period) และโดยมากจะเป็นช่วงอายุเล็กมากในระยะ 0-5 ปี แม้ว่าต่อๆ
ไป เด็กจะพอรู้เรียนรู้ได้บ้าง ปรับได้บ้าง สร้างบุคลิกและสัมพันธ์ได้บ้าง
แต่จะไม่ดีเท่าหรือสมบูรณ์เท่า หรืออาจจะไม่ได้เลยในบางเรื่องเมื่อพ้นวัยระยะนั้นมาแล้ว
ครอบครัวจึงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งยวดในการปูพื้นฐานบุคลิกภาพให้เด็กอย่างเต็มที่
ให้เด็กรู้จักและเชื่อมั่นไว้วางใจคนได้ (trust) มีความมั่นใจในตนเอง
และสามารถยืนหยัด มีความกล้าเป็นตัวของตนได้ (autonomy) ในวัยอนุบาล
(preschoolinitiative และ phallic phase) มีความริเริ่ม รู้จักแสวงหา
กระตือรือร้นในการเรียนรู้ รู้จักคิด รู้จักใช้จินตนาการสร้างสรรค์
มีพื้นฐานคุณธรรม และมีพื้นฐานเรื่องเพศที่ดีก่อนที่เด็กจะเข้าสู่สังคมภายนอกที่กว้างขึ้น
ไปเป็นตัวเองได้มากขึ้น พื้นฐานเบื้องต้นสำคัญที่สุดเด็กจะต้องได้จากครอบครัว
จิตแพทย์มีบทบาทหน้าที่มิใช่เพียงรักษาแก้ไขผู้มีปัญหาโรคจิตเวช
แต่หน้าที่อันสำคัญยิ่ง
ใหญ่ของจิตแพทย์ทุกคนไม่ว่าจะเป็นจิตแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับผู้ใหญ่
เด็ก วัยรุ่น รวมถึงจิตแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้บริหาร คือ หน้าที่ในการให้ความสำคัญ
ให้ความรู้ต่อประชาชน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกอาชีพ วิชาชีพ และทุกเศรษฐฐานะ
ในด้านการป้องกัน และการส่งเสริมสุขภาพจิต
ในการนี้การทำงานร่วมกันเป็นทีมมีความจำเป็นมาก
เพราะต้องรับตามความเป็นจริงว่าโดยลักษณะของการปฏิบัติงาน ต้องการความเข้าใจ
ความรู้รอบทั้งสุขภาพกาย สุขภาพใจ โรคทางกาย โรคทางใจ ภาวะผิดปกติของกายและใจ
ในองค์ประกอบรวมของ กาย สมอง จิตใจ และสังคม อีกทั้งต้องการความเข้าใจลึกซึ้งถึงความสัมพันธ์ของกายและใจที่ประสานและมีปฏิสัมพันธ์กันอยู่ตลอดเวลา
ท่านศาสตราจารย์นายแพทย์ฝน แสงสิงแก้ว
ได้เขียนบทความไว้อย่างกระจ่างชัดในเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสังคมและครอบครัวตามวิวัฒนาการของเศรษฐกิจ
ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในอนาคต ท่านยังได้กล่าวถึงความเสียหายที่รัฐจะต้องเสียงบประมาณปีละร้อยๆ
ล้าน (ประมาณเมื่อ 40 ปีที่แล้ว) ให้กับคนไข้โรคจิตโรคประสาทและอาชญากรรม
และท่านได้แนะนำวิธีการที่ประกอบด้วยบุคลากรหลายฝ่าย เช่น แพทย์ นักการศึกษา
นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ นักสาธารณสุข นักเศรษฐศาสตร์ นักปกครอง
ครูอาจารย์ รวมทั้งพ่อแม่ทั้งหลายที่จะช่วยกันป้องกันไม่ให้เกิดความผิดปกติทางจิตใจ
และส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดีไว้ ท่านอาจารย์ได้แนะนำไว้อย่างมากทุกข้อตั้งแต่
ส่งเสริมให้ชาวชนบทรักที่อยู่เดิม กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ส่งเสริมเกษตรกรรมชนบท
สนับสนุนโรงเรียนอาชีพของชนบท ส่งเสริมอุปโภคและสวัสดิการ การศึกษาท้องถิ่น
การอนามัย โรงพยาบาล สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ศิลปวัฒนธรรม และหน่วยแพทย์
นักสังคมสงเคราะห์ เคลื่อนที่ โดยการปฏิบัติทั้งหมดจะต้องให้ชาวชนบทรู้ลึกตนมีค่า
และได้รับการยกย่อง
สรุป
ความผูกพันภายในครอบครัวของสังคมไทยได้เปลี่ยนแปลงจากเดิมไปมาก
จากครอบครัวใหญ่มาเป็นครอบครัวเล็กที่อยู่กันตามลำพังมากขึ้น ครอบครัวที่มีการแยกกัน
หรือหย่าร้างกันมีจำนวนเพิ่มขึ้น บางครอบครัวยังได้รับการช่วยเหลือเกื้อกูลจากครอบครัวเดิมหรือญาติพี่น้อง
แต่หลายครอบครัวต้องเผชิญชีวิตตามลำพัง ความสัมพันธ์ต่อกันภายในครอบครัวห่างเหิน
มีสภาพต่างคนต่างอยู่มากขึ้น โดยมีการทำงานของพ่อแม่ การเรียนหนักของลูก
สื่อต่างๆ และวัตถุเข้ามาแทนที่ความสัมพันธ์ใกล้ชิด ในครอบครัวที่เป็นปัญหาจะพบเด็กถูกทอดทิ้งตามลำพังหรืออยู่กับผู้อื่น
แม้ในครอบครัวที่พ่อแม่ลูกอยู่ร่วมกัน เด็กก็จะถูกทอดทิ้งโดยไม่ตั้งใจได้มาก
ในทางตรงข้าม บางครอบครัวที่พ่อแม่รักลูกมาก ห่วงใยมาก มีความคาดหวังมาก
ก็มีส่วนทำให้เด็กเกิดความไม่มั่นคงทางจิตใจได้ ซึ่งเป็นเหตุทำให้เกิดความผิดปกติในบทบาทหน้าที่และความเป็นอยู่ร่วมกันของสมาชิกในครอบครัว
ปัญหาของเด็กและเยาวชนที่พบมาก
ล้วนมาจากปัจจัยที่เกี่ยวกับปัญหาครอบครัวทั้งสิ้น องค์การอนามัยโลกได้กำหนดให้มี
ปีแห่งครอบครัว ขึ้น ซึ่งทั้งรัฐบาล องค์กร บุคลากรหลายฝ่ายล้วนตระหนักในความสำคัญของครอบครัว
ในปัจจุบันมีการตั้งมูลนิธิเครือข่ายครอบครัวขึ้น ซึ่งต้องการบุคลากรเจ้าหน้าที่ทั้งของรัฐ
เอกชน และพ่อแม่ผู้ปกครองทุกระดับเข้ามามีส่วนรับรู้ช่วยเหลือ จิตแพทย์ในฐานะบุคคลที่มีพื้นฐานความรู้ความเข้าใจในบุคคลและครอบครัวในองค์รวมมากกว่าผู้อื่น
น่าจะมี
บทบาทสำคัญในการเข้าไปเป็นผู้ให้คำปรึกษาและแนะแนว
หรือร่วมกันทำงานป้องกัน แก้ไขให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนทั้งมวล ก่อนที่ครอบครัวไทยจะประสบปัญหามากไปกว่าที่เป็นอยู่
|