บทนำ
การให้การปรึกษาผู้ติดเชื้อเอดส์เป็นวิธีที่สำคัญในการป้องกันการระบาดของเชื้อเอดส์
เป็นทั้งการป้องกันปฐมภูมิและทุติยภูมิ กล่าวคือลดการติดเชื้อในประชากรทั่วไปและช่วยให้ผู้ติดเชื้อสามารถดูแลตนเองตามสมควร1,2,3
อีกทั้งเป็นกลวิธีหนึ่งของแผนป้องกันและควบคุมโรคเอดส์แห่งชาติ
2535-25393,4,5 ซึ่งเน้นให้มีการให้การปรึกษาทั้งก่อนและหลังตรวจเลือดโดยสมัครใจ3,6,7
แต่เนื่องจากผู้ติดเชื้อมีจำนวนมากเกินกำลังของบุคลากรสาธารณสุข
จึงจำเป็นต้องฝึกอบรมบุคลากรหรือหน่วยงานอื่นให้สามารถให้การปรึกษาเป็นโดยมีการติดตามนิเทศ
อย่างสม่ำเสมอ 5,8,9
จากสถิติปี 2535 จังหวัดเชียงรายมีอัตราการแพร่ระบาดเป็นอันดับ
2 ของประเทศ3 เพราะมีการแพร่เชื้อผ่านทางหญิงอาชีพพิเศษที่มีอยู่จำนวนมากในจังหวัด10
ในเดือนกันยายน 2534 จังหวัดเชียงรายมีหญิงอาชีพพิเศษ 1,374
คนทำงานในสถานบริการ 184 แห่ง11 และพบว่าในเดือนธันวาคม
2535 มี sentinel surveillance ในหญิงอาชีพพิเศษตรง (direct prostitute)
ร้อยละ 50.0 ในหญิงอาชีพพิเศษแอบแฝง (indirect prostitute) ร้อยละ
8.512 (ดูรายละเอียดในแผนภูมิที่ 1)
การให้การปรึกษาแก่หญิงอาชีพพิเศษจังหวัดเชียงรายโดยบุคลากรที่ผ่านการอบรมและได้รับการติดตามนิเทศ
อย่างสม่ำเสมอจึงเป็นกลวิธีสำคัญในการป้องกันการระบาดของเอดส์ในจังหวัดเชียงราย8
รายงานนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการให้การปรึกษาทั้งต่อหญิงอาชีพพิเศษและบุคลากรผู้ให้การปรึกษา
เน้นถึงข้อดีและความจำเป็นของการติดตามนิเทศอย่างสม่ำเสมอ
วัสดุและวิธีการ
ชมรมส่งเสริมสุขภาพเชียงรายเป็นหน่วยงานที่ตั้งขึ้นโดยความร่วมมือของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย
โรงพยาบาลศูนย์เชียงรายประชานุเคราะห์ และศูนย์ความร่วมมือการวิจัยโรคเอดส์
ได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงสาธารณสุขและศูนย์ควบคุมโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา
มีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับการศึกษาวิจัยทางระบาดวิทยาของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคเอดส์ในจังหวัดเชียงรายตั้งแต่เดือนตุลาคม
2534 ชมรมฯ มีการศึกษาในหญิงอาชีพพิเศษที่สมัครใจเข้าเป็นสมาชิก โดยมีบริการให้สุขศึกษา
ตรวจร่างกายและรักษาโรค พร้อมทั้งบริการให้การปรึกษาก่อนและหลังการตรวจเลือดเอดส์
รายงานนี้ได้ศึกษาหญิงอาชีพพิเศษที่เป็นสมาชิกของชมรมนี้ 300 รายแรก
ระหว่าง 1 พฤษภาคม 2535 ถึง 16 เมษายน 2536 ตรวจเลือดเอดส์ด้วยวิธี
ELISA และยืนยันด้วยวิธี western blot มีขั้นตอนสรุปดังนี้
1. เตรียมบุคลากรของชมรมฯ จำนวน
6 คน ทั้งหมดเป็นเพศหญิง อายุ 26-40 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาพยาบาลศาสตร์
บริหารสาธารณสุข เศรษฐศาสตร์ และศิลปศาสตร์ รับการอบรมการให้การปรึกษาผู้ติดเชื้อเอดส์จากผู้รายงาน
โดยใช้แนวทางจากเอกสารการให้การปรึกษาผู้ติดเชื้อ HIV ของนายแพทย์ประเสริฐ
ผลิตผลการพิมพ์13 และคู่มือการให้การปรึกษาแก่ผู้ติดเชื้อเอดส์
ของ ดร.จีน แบรี่14
2. เตรียมแบบบันทึกการให้การปรึกษาก่อนและหลังตรวจเลือดเอดส์
โดยใช้แนวทางของคู่มือการให้การปรึกษาก่อนและหลังตรวจเลือดที่ทดสอบการติดเชื้อเอดส์
ของกองป้องกันและบำบัดการติดยาเสพติด สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร6
และบทความเอดส์ในแง่มุมทางจิตเวช ของ น.พ.ไพรัตน์ พฤกษชาติคุณากร15
ลักษณะของแบบบันทึกเป็นแบบเปิดกว้างเพื่อความคล่องตัวต่อการทำงานในลักษณะ
client-centered counselling9 รายละเอียดของแบบบันทึก ดูในภาคผนวก
1 และ 2
3.ลงมือปฏิบัติงานพร้อมทั้งส่งบุคลากรหมุนเวียนไปรับการอบรมเพิ่มเติมจากหลักสูตรการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่องการให้การปรึกษาเกี่ยวกับโรคเอดส์
ในโครงการ Multidisciplinary programme on AIDS ศูนย์วิจัยการวางแผนครอบครัว
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
4. มีการติดตามนิเทศ เป็นประจำทุกเดือนโดยผู้รายงาน
หรือนักจิตวิทยา จากโรงพยาบาลศูนย์เชียงรายประชานุเคราะห์ บันทึกรายงานการประชุมนิเทศด้วยเทปบันทึกเสียง
5. รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากแบบบันทึกและเทปบันทึกเสียง
เพื่อศึกษาปฏิกิริยาต่อการให้การปรึกษาของหญิงอาชีพพิเศษ และผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของผู้ให้การปรึกษา
รายงานผลเป็นค่าร้อยละและเชิงพรรณา
ผลการศึกษา
ส่วนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของหญิงอาชีพพิเศษ
พบว่าส่วนใหญ่อายุ 14-18 ปี
(ร้อยละ 29.3) และอายุ 19-23 ปี (ร้อยละ 26.3) การศึกษาระดับประถมปลาย
(ร้อยละ 52) ไม่เคยสมรสโดยถูกต้องตามกฎหมาย (ร้อยละ79) ปัจจุบันไม่มีคู่นอนประจำ
(ร้อยละ 77) เป็นหญิงอาชีพพิเศษตรง (ร้อยละ 59) และภูมิลำเนาจังหวัดเชียงราย
(ร้อยละ 84) รายละเอียดดูตารางที่ 1
ส่วนที่ 2 ผลเลือดและปฏิกิริยาต่อการให้การปรึกษาของหญิงอาชีพพิเศษ
1. นับถึง 16 เมษายน 2536 หญิงอาชีพพิเศษจำนวน
300 ราย มีผลเลือดบวกเอดส์ 102 ราย (ร้อยละ 34) ผลเลือดลบ 197 ราย
(ร้อยละ 65.7) และผลก้ำกึ่ง 1 ราย (ร้อยละ 0.3)
2. มีผู้ได้รับการปรึกษาก่อนตรวจเลือด
255 ราย (ร้อยละ 85) ไม่ได้รับการปรึกษาก่อนตรวจเลือด 45 ราย (ร้อยละ
15) เวลาที่ใช้ในการให้การปรึกษาก่อนตรวจเลือดเฉลี่ยเท่ากับ 19.9?
7.3 นาที (n=234)
4. จากข้อ 3 มีผู้ได้รับการปรึกษาหลังตรวจเลือดรวม
222 ราย (ร้อยละ 74) ไม่ได้รับการปรึกษาหลังตรวจเลือด 78 ราย (ร้อยละ
36) ระยะห่างระหว่างวันที่ให้การปรึกษาก่อนตรวจเลือดและหลังตรวจเลือดเฉลี่ยเท่ากับ
9.9 ? 8.9 สัปดาห์ (n=192) เวลาที่ใช้ในการให้การปรึกษาหลังตรวจเลือดเพื่อแจ้งผลเลือดบวกเฉลี่ยเท่ากับ
22.5 ? 9.4 นาที (n=77) เพื่อแจ้งผลเลือดลบเฉลี่ยเท่ากับ 13.6 ? 5.8
(n=132)
5. ในการให้การปรึกษาก่อนตรวจเลือด
ถามว่าถ้าสมมุติรู้ว่าติดเชื้อเอดส์จะมีความรู้สึกอย่างไร ได้รับคำตอบ
205 ราย พบว่าร้อยละ 22.4 รู้สึกกลัว ร้อยละ 16.6 รู้สึกเสียใจ ร้อยละ
12.7 ไม่รู้สึกอะไร มีผู้ตอบว่าจะแพร่เชื้อก่อนตาย 2 ราย เท่ากับร้อยละ
0.9 รายละเอียดดูในแผนภูมิที่ 2
6. ในการให้การปรึกษาเพื่อแจ้งผลเลือดบวก
ถามว่าหลังจากที่รู้ว่าติดเชื้อเอดส์แล้วมีความรู้สึกอย่างไร ได้รับคำตอบ
71 ราย พบว่าร้อยละ 23 รู้สึกเสียใจ ร้อยละ 18.3 ไม่รู้สึกอะไร ร้อยละ
12.7 ตอบว่ายอมรับและทำใจได้ มีผู้ตอบว่ามีความคิดฆ่าตัวตาย 3 ราย
เท่ากับร้อยละ 4.2 รายละเอียดดูในแผนภูมิที่ 3
7. คำถามก่อนยุติการให้การปรึกษาก่อนตรวจเลือด
ส่วนใหญ่เป็นคำถามเกี่ยวกับการติดต่อของเชื้อหรือเป็นคำถามที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องเอดส์เลย
ตัวอย่างคำถามที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องเอดส์ เช่น สามีขอคืนดีด้วยจะทำอย่างไร
เลือดออกทางช่องคลอดหลังจากมีเพศสัมพันธ์ควรทำอย่างไร หรือประจำเดือนขาดควรทำอย่างไร
เป็นต้น
8. คำถามก่อนยุติการให้การปรึกษาหลังตรวจเลือด
ส่วนใหญ่เป็นคำถามเกี่ยวกับการติดต่อของเชื้อหรือเป็นคำถามเกี่ยวกับการรักษาและพยากรณ์โรค
ตัวอย่างคำถามเกี่ยวกับการรักษาและพยากรณ์โรค เช่น จะมีชีวิตอยู่อีกกี่ปี
ตายแน่นอนใช่หรือไม่ ขณะที่ตายมีลักษณะอย่างไร เป็นต้น
รายละเอียดดูในแผนภูมิที่ 4
ส่วนที่ 3 การติดตามนิเทศผู้ให้การปรึกษา
พบว่าผู้ให้การปรึกษาทุกคนมีความสนใจและเข้าร่วมประชุมนิเทศทุกครั้งตลอดระยะเวลาประมาณ
1 ปี สนใจซักถาม เตรียมกรณีศึกษาและเต็มใจให้ผู้อื่นวิพากษ์วิจารณ์
มีประเด็นที่ได้รับการถกเถียงอภิปรายซ้ำๆ หลายเรื่อง ได้แก่ ไม่มีความมั่นคงในการแจ้งผลเลือดบวก
ไม่มีความมั่นคงในการบอกพยากรณ์โรค มีความสงสัยในความจำเป็นที่จะต้องสอบถามและสำรวจความคิดฆ่าตัวตาย
มีความกระอักกระอ่วนใจในการพูดถึงเพศสัมพันธ์โดยการใช้ถุงยางอนามัย
ช่วยเหลือผู้ติดเชื้อในการปิดบังความจริงต่อคู่ครอง มีความลำบากใจที่จะพูดถึงการทำแท้ง
มีความลำบากใจที่จะพูดถึงประเด็นที่บุตรของผู้ติดเชื้ออาจเป็นเด็กกำพร้าในวันข้างหน้า
รีบร้อนให้ข้อมูลโดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้ติดเชื้อระบายความในใจ ขาดทักษะในการสัมภาษณ์ประวัติส่วนตัวหรือประวัติครอบครัว
รู้สึกไม่มั่นคงและหงุดหงิดเมื่อผู้ติดเชื้อเงียบ-ไม่ตอบสนองต่อการให้การปรึกษา
และรู้สึกไม่มั่นคงเมื่อผู้ติดเชื้อไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำ พบว่าระหว่างการนิเทศไม่มีบุคลากรคนใดแสดงอาการเบื่อหน่ายที่จะปฏิบัติงานให้การปรึกษาต่อไป
วิจารณ์
การศึกษานี้ทำในหญิงอาชีพพิเศษที่เป็นสมาชิกชมรมส่งเสริมสุขภาพ
300 รายแรก ทำให้การเก็บข้อมูลในผู้ติดเชื้อรายแรกๆ ไม่สมบูรณ์ มีข้อมูลขาดหายไป
25 ราย คิดเป็นร้อยละ 8.3 ลักษณะแบบบันทึกเป็นแบบเปิดกว้างเพราะยังไม่มีแบบสอบถามมาตรฐานในการศึกษาเช่นนี้
แต่แบบบันทึกแบบเปิดกว้างนี้มีประโยชน์ทำให้ผู้ให้การปรึกษาสามารถทำงานบริการได้คล่องตัว
และปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้การปรึกษาได้ตามการศึกษา ภาษา วัฒนธรรมและบทบาททางเพศของหญิงอาชีพพิเศษได้9
หญิงอาชีพพิเศษส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นและการศึกษาน้อย
ผู้ให้การปรึกษาจึงต้องคำนึงถึงจิตวิทยาพัฒนาการของวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ตอนต้นด้วย
โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงการทำแท้งและความต้องการมีบุตร16, 17
มัลลิกา ตั้งเจริญ ศึกษาหญิงอาชีพพิเศษ 218 รายในจังหวัดเชียงรายพบว่า
อายุ การศึกษา และรายได้ มีความสัมพันธ์ทางตรงกับการรับรู้เรื่องโรคเอดส์และความสามารถในการดูแลตนเอง
โดยมีการศึกษาเป็นตัวทำนายที่ดีที่สุด18 ตัวแปรอื่นๆ ในหญิงอาชีพพิเศษเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ลำบาก
หญิงอาชีพพิเศษเกือบทุกรายมีหนี้สินซึ่งไถ่คืนด้วยแรงงาน มีภาระรับผิดชอบคือบิดามารดาหรือบุตร
มีคู่ครองที่ไม่ชัดเจนในแต่ละช่วงเวลา และมีการย้ายถิ่นฐานอยู่เสมอ10,18
หญิงอาชีพพิเศษในการศึกษานี้มีทั้งตรงและแอบแฝงทำให้ได้อัตราการติดเชื้อเท่ากับร้อยละ
34 เข้ากันได้กับค่า sentinel surveillance เดือนธันวาคม 2535 ของจังหวัด
คือ หญิงอาชีพพิเศษตรง เท่ากับร้อยละ 50 หญิงอาชีพพิเศษแอบแฝงร้อยละ
8.5
การให้การปรึกษาก่อนตรวจเลือดมีความสำคัญเท่ากับหรือมากกว่าการให้การปรึกษาหลังตรวจเลือด
การให้การปรึกษาเพื่อแจ้งผลลบมีความสำคัญเท่ากับหรือมากกว่าเพื่อแจ้งผลบวก
เพราะเป็นโอกาสที่ดีที่จะป้องกันการติดเชื้อและป้องกันการระบาด19,
20 เวลาที่ใช้ในการให้การปรึกษาเพื่อแจ้งผลลบจึงไม่ควรน้อยกว่าเพื่อแจ้งผลบวกดังที่ปรากฏในการศึกษานี้
ระยะห่างระหว่างวันที่ให้การปรึกษาก่อนตรวจเลือดและหลังตรวจเลือดไม่ควรนานเกินไป
การศึกษานี้ทำควบคู่ไปกับการบริการสมาชิกของชมรมฯ จึงไม่ได้บังคับให้มาฟังผลเลือด
เป็นการมาฟังผลเลือดโดยสมัครใจหรือเมื่อมีปัญหาอื่นๆ ทำให้วันที่ให้การปรึกษาก่อนตรวจเลือดและหลังตรวจเลือดห่างกันตั้งแต่
1 วัน ถึง 48 สัปดาห์ เฉลี่ยเท่ากับ 9.9? 8.9 สัปดาห์ ส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง
1 ถึง 4 สัปดาห์
หญิงอาชีพพิเศษที่ให้คำตอบว่ารู้สึกกลัวหลังจากรับการปรึกษาก่อนตรวจเลือด
มีมากที่สุด คือ ร้อยละ 22.4 ของผู้ตอบ (มีผู้ตอบ 205 ราย) ผู้ติดเชื้อที่ให้คำตอบว่ารู้สึกเสียใจหลังจากรับการปรึกษาเพื่อแจ้งผลเลือดบวกมีมากที่สุด
คือร้อยละ 23 ของผู้ตอบ (มีผู้ตอบ 71 ราย) ความกลัวว่าน่าจะหมายถึง
anxiety และความเสียใจน่าจะหมายถึง depression ผู้ให้การปรึกษาจึงควรมีความสามารถอย่างดีในการดูแล
anxiety และ depression21
คำตอบอื่นๆ ล้วนแสดงถึงกลไกทางจิตของผู้ติดเชื้อ
แม้ว่าคำตอบหนึ่งอาจจะเป็นส่วนผสมของกลไกหลายอย่าง13 การพยายามแปลความหมายทำให้ผู้ให้การปรึกษามีความมั่นใจที่จะดูแลผู้ติดเชื้อต่อไป
เช่น ไม่รู้สึกอะไร แสดงถึง shock หรือ denial ไม่รู้ แสดงถึงอารมณ์หงุดหงิดหรือโกรธ
คิดว่าไม่ติด แสดงถึง denial ค่อนข้างชัดเจน ตกใจ แสดงถึง shock
หรือ anxiety ที่รุนแรงมากขึ้น ยอมรับ หรือ แล้วแต่กรรม อาจจะหมายความว่าผู้ติดเชื้อรับได้จริงแม้ว่ามีอารมณ์เศร้าร่วมอยู่ด้วยก็ตาม
คำถามก่อนยุติการให้การปรึกษาก็แสดงถึงกลไกทางจิตของผู้ติดเชื้ออีกครั้งหนึ่ง13
ชนิดของคำถามน่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้จัดการอบรมการให้การปรึกษาโรคเอดส์เพื่อเตรียมตัวให้เข้าใจถึงความต้องการของผู้ติดเชื้อ
พบความคิดฆ่าตัวตายร้อยละ 4.2
ของผู้ติดเชื้อ และความคิดจะแพร่เชื้อ ร้อยละ 0.9 ของผู้ได้รับการปรึกษาก่อนเจาะเลือด
ผู้ให้การปรึกษาควรมีความมั่นคงในการสำรวจความคิดฆ่าตัวตายและช่วยให้ผู้ติดเชื้อระบายความคิดที่จะแพร่เชื้ออย่างเหมาะสม
งานสุขภาพจิตจำเป็นต้องอาศัยกำลังจากบุคลากรอื่นที่ไม่ใช่บุคลากรสาธารณสุขเข้าช่วยเหลือ22
ซึ่งรวมทั้งงานให้การปรึกษาผู้ติดเชื้อเอดส์ด้วย บุคลากรเหล่านี้ควรได้รับการฝึกอบรมและนิเทศอย่างสม่ำเสมอจึงจะมีเจตคติที่ดีและช่วยงานได้
9, 23 บุคลากรทางสาธารณสุขเองก็ไม่ได้มีเจตคติต่อผู้ติดเชื้อเอดส์ดีเสมอไป24
จากการนิเทศพบว่าปัญหาสำคัญของผู้ให้การปรึกษา
คือ ความมั่นคง ได้แก่ความมั่นคงในบทบาท หน้าที่ และการบอกข้อมูล13
ความมั่นคงในบทบาทและหน้าที่มักจะดีเมื่อจบการนิเทศแต่ละครั้ง
แต่จะถูกรบกวนเสมอเมื่อผู้ติดเชื้อแสดงปฏิกิริยาต่อการให้การปรึกษาต่างๆ
นา นา แสดงให้เห็นในรูปของการช่วยเหลือผู้ติดเชื้อมากเกินควร การสนิทสนมกับผู้ติดเชื้อมากเกินควร
การผิดหวังอย่างรุนแรงเมื่อผลของการให้การปรึกษาไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
การส่งเสริมให้ผู้ติดเชื้อปิดบังความจริงต่อคู่ครอง หรือการเลียนแบบผู้ติดเชื้อโดยไม่รู้สึกตัว
ส่วนความมั่นคงในการบอกข้อมูลซึ่งโดยมากก็เป็นข่าวร้ายจะถูกรบกวนจากสภาวะจิตใจของผู้ให้การปรึกษาเอง
ได้แก่การแจ้งผลเลือดบวก การบอกพยากรณ์โรค การพูดถึงประเด็นการทำแท้ง
หรือประเด็นการกำพร้าของบุตรในวันข้างหน้า เพราะที่จริงแล้วผู้ให้การปรึกษาต้องเผชิญกับภาวะ
separation และ loss ร่วมกับผู้ติดเชื้อคล้ายกับการดูแลผู้ป่วยใกล้ตาย25
ความมั่นคงของผู้ให้การปรึกษาจะมีมากเมื่อเข้าใจความรู้สึกของตนเองที่กำลังเผชิญกับภาวะ
separation และ loss มีความรู้และเข้าใจว่าความโศกเศร้าของผู้ติดเชื้อเป็นส่วนหนึ่งของ
anticipatory grief ซึ่งมีหน้าที่ลดความรุนแรงของการ shock เมื่อความตายใกล้เข้ามา25
มีความรู้ว่าบทบาทที่ตนเองต้องทำคือการแสดงความจริงใจต่อผู้ติดเชื้ออย่างถูกเวลาและสถานที่
ดูแลสภาพของผู้ติดเชื้อ และให้ความมั่นใจว่าเขาจะไม่ถูกทอดทิ้ง25,
26
การนิเทศยังเป็นกลวิธีป้องกัน
burn-out syndrome ที่จะเกิดกับผู้ให้การปรึกษา Edelwich และ Brodsky
แบ่ง burn-out syndrome เป็น 4 ระยะ คือ enthusiasm- บุคลากรขยันขันแข็งและทุ่มเทให้กับงานบริการทางจิตเวชอย่างมากมายเกินสมควร
stagnation- งานเริ่มช้าลงเมื่อพบว่างานที่ทุ่มเทไม่ได้ตอบสนองความต้องการของตน
frustration- เมื่อบุคลากรรู้สึกถึงความจริงที่ว่าตนเองไม่สามารถดูแลผู้มารับบริการได้ทุกเรื่อง
และ apathy- บุคลากรจะทำงานไปตามหน้าที่โดยขาดความกระตือรือร้นในที่สุด22
ประสบการณ์ในการนิเทศพบว่าผู้ให้ปรึกษาผ่านภาวะ enthusiasm และ frustration
สลับไปมา
กิติกรรมประกาศ
ผู้รายงานขอขอบคุณบุคลากรชมรมส่งเสริมสุขภาพทั้ง
6 ท่าน ที่ได้ปฏิบัติงานให้การปรึกษาอย่างอุตสาหะรวมทั้งยังช่วยในการบันทึกข้อมูล
ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่กลุ่มงานจิตเวช โรงพยาบาลศูนย์เชียงรายประชานุเคราะห์ที่ช่วยแจกแจงข้อมูล
ขอขอบคุณ คุณอัปษรศรี ธนไพศาล ที่ช่วยนิเทศผู้ให้การปรึกษา และขอขอบพระคุณนายแพทย์ครรชิต
ลิมปกาญจนรัตน์ ศูนย์ความร่วมมือวิจัยโรคเอดส์ ที่สนับสนุนให้เขียนรายงานฉบับนี้จนสำเร็จลุล่วงด้วยดี
เอกสารอ้างอิง
1. ยรรยง ศุทธรัตน์. จิตเวชชุมชน.
ใน: สุพัฒนา เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา และคณะ, บรรณาธิการ.
ตำราจิตเวชศาสตร์. กรุงเทพมหานคร:
สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย, 2520: 865-71.
2. พัฒน์ สุจำนงค์, ไพรัตน์
พฤกษชาติคุณากร. ชุมชน สุขภาพจิตและจิตเวชชุมชน. ใน : ไพ
รัตน์ พฤกษชาติคุณากร, บรรณาธิการ.
จิตเวชศาสตร์ เล่มที่ 4. เชียงใหม่: โครงการตำรา
แพทย์เชียงใหม่, 2534: 1073-5.
3. สมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน
สาขาเชียงราย. สรุปผลการประชุมสัมมนาเรื่อง กลยุทธการปฏิบัติงานเพื่อต้านเอดส์จังหวัดเชียงราย
11-12 พฤศจิกายน 2535 ณ โรงแรมเวียงอินทร์
จังหวัดเชียงราย. เชียงราย,
2535: 1, 6-8, 11-2.
4. กองแผนงานสาธารณสุข. สรุปการกิจหลักที่ส่วนภูมิภาคต้องปฏิบัติเพื่อสนองนโยบายรัฐบาล
ด้านสาธารณสุข และงานเร่งรัดตามแผนพัฒนาการสาธารณสุข
ฉบับที่ 7 ประจำปีงบประมาณ
2536. กรุงเทพมหานคร, 2535:
17.
5. ธงชัย ทวิชาชาติ และคณะ,
บรรณาธิการ. นิยามผู้ป่วยโรคเอดส์และผู้มีอาการสัมพันธ์กับ
เอดส์ที่ใช้ในการเฝ้าระวังโรค.
พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร : กองระบาดวิทยา, 2532: 25-9.
6. กองป้องกันและบำบัดการติดยาเสพติด
สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร. คู่มือการให้คำปรึกษา
ก่อนหลังตรวจเลือดที่ทดสอบการติดเชื้อเอดส์.
กรุงเทพมหานคร : ชุมนุมสหกรณ์การเกษตร
แห่งประเทศไทยจำกัด, 2534: 1-22.
7. ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์.
รูปแบบการประชาสัมพันธ์เอดส์ด้วยวิชาการจิตวิทยาสังคม. ใน :
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล.
การประชุมฟื้นฟูวิชาการประจำปี ครั้งที่ 33, 9-13 มีนาคม
2535. กรุงเทพมหานคร: ชวนพิมพ์,
2535: 384-8.
8. บรรพต ต้นธีรวงศ์ และคณะ.
รายงานการติดตามสนับสนุนและนิเทศเรื่องการให้คำปรึกษา
โรคเอดส์ พ.ศ.2534-2535. กรุงเทพมหานคร:
กองฝึกอบรม, 2536 : 21-8, 50, 51.
9. Centers for Disease Control
and Prevention. Technical guidance on HIV counseling.
Morbidity and Mortality Weekly
Report 1993; 42: 11-7.
10. ชำนาญ หาญสุทธิเวชกุล และคณะ,
ผู้รวบรวม. ปัญหาสาธารณสุขเขต 10 เอดส์ อุบัติเหตุ
ไอโอดีน. เชียงราย:สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงาย,
2534: 1-3, 15-6.
11. ชำนาญ หาญสุทธิเวชกุล และคณะ,
ผู้รวบรวม. เอกสารการนำเสนอผลงานการพัฒนา
สาธารณสุข เขต 10 ปีงบประมาณ
2534 การประชุมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข 23-25
ธันวาคม 2534 ณ โรงแรมแอมบาสเดอร์ซิตี้
พัทยา จังหวัดชลบุรี. เชียงราย : สำนักงานสา
ธารณสุขจังหวัดเชียงราย, 2534:
60.
12. งานระบาดวิทยา ฝ่ายแผนงานและประเมินผล
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย. รายงาน
สถานการณ์โรคเอดส์. เชียงราย,
2535.
13. ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์.
การให้คำปรึกษาผู้ติดเชื้อ HIV. วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่ง
ประเทศไทย. 2534; 36: 169-74.
14. จีน แบรี่. คู่มือการให้คำปรึกษาแก่ผู้ที่ติดเชื้อเอดส์
ฉบับร่าง. เอกสารประกอบการฝึก
อบรมผู้ให้การปรึกษาแก่ผู้ติดเชื้อเอดส์
ในการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่องการให้คำปรึกษาแนะ
นำผู้ป่วยโรคเอดส์ แก่บุคลากรสาธารณสุข
จังหวัดเชียงราย 8-13 มีนาคม 2536 ณ โรงแรมโร
สการ์เด้น สวนสามพราน นครปฐม.
กรุงเทพมหานคร : สภากาชาดไทย, 2536.
15. ไพรัตน์ พฤกษชาติคุณากร.
เอดส์ในแง่มุมทางจิตเวช. ใน:ไพรัตน์ พฤกษชาติคุณากร,
บรรณาธิการ. จิตเวชศาสตร์ เล่มที่
1. เชียงใหม่: ธนบรรณการพิมพ์, 2533: 73-5.
16. Green J. Counselling and
pregnancy. In: Green J, McCreaner A, eds. Counselling in
HIV infection and AIDS. Oxford:
Blackwell Scientific Publications, 1989: 141-56.
17. Mok J. Pediatric HIV infection.
In: Green J, McCreaner A, eds. Counselling in HIV
infection and AIDS. Oxford:
Blackwell Scientific Publications, 1989: 157-66.
18. มัลลิกา ตั้งเจริญ. การรับรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์กับความสามารถในการดูแลตนเองเพื่อป้องกัน
การติดเชื้อโรคเอดส์ในหญิงอาชีพพิเศษ.
บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยามหิดล, 2534.
19. McCreaner A. Pre-test counselling.
In: Green J, McCreaner A, eds. Counselling in HIV
infection and AIDS. Oxford:
Blackwell Scientific Publications, 1989: 21-7.
20. Green J. Post-test counselling.
In: Green J, McCreaner A, eds. Counselling in HIV
infection and AIDS. Oxford:
Blackwell Scientific Publications, 1989: 28-68.
21. Green J. Dealing with anxiety
and depression. In: Green J, McCreaner A, eds. Counselling in HIV
infection and AIDS. Oxford: Blackwell Scientific publications, 1989:
174-97.
22. Aguilera DC, Messick JM.
Crisis intervention theory and methodology. St. Louis: CV
Mosby, 1982: 9-11, 179-85.
23. McCreaner A. Training models.
In: Green J, McCreaner A, eds. Counselling in HIV
infection and AIDS. Oxford:
Blackwell Scientific Publications, 1989: 276-84.
24. สุริยา คติไทย, บรรจง คำหอมกุล.
การศึกษาความคิดเห็นของพยาบาลต่อผู้ติดเชื้อเอดส์และ
การปฏิบัติพยาบาล. ใน: คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล.
การประชุมฟื้นฟูวิชาการประจำ ปี ครั้งที่ 33 9-13 มีนาคม 2535. กรุงเทพมหานคร:
ชวนพิมพ์, 2535: 581-93.
25. Gonda TA. Death, dying
and bereavement. In: Kaplan HI, Sadock BJ, eds. Comprehensive textbook
of psychiatry. 5th ed. Baltimore: Williams & Wilkins, 1989:
1339-51.
26. ไพรัตน์ พฤกษชาติคุณากร.
มรณะวิทยา.ใน : ไพรัตน์ พฤกษชาติคุณากร, บรรณาธิการ. จิต
เวชศาสตร์ เล่ม 1. เชียงใหม่:
ธนบรรณการพิมพ์, 2533: 102-3.
Pre-test and Post-test Counselling
for HIV Infection in 300 Prostitutes of Chiangrai
Prasert Palitponganpim, M.D.
*